Highlights
Calligraphy หรือการเขียนอักษรภาพ ในทวีปเอเชีย เริ่มต้นจากการเขียนพู่กันในประเทศจีน และจากนั้นจึงส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม
นอกจาก Calligraphy หรือการเขียนพู่กันจะเป็นศิลปะที่ทำให้เกิดผลงานศิลปะที่มีความสวยงามแล้ว ยังช่วยทำให้คนเขียนได้เรียนรู้จิตใจ อารมณ์ และมีการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นภายในตนเองขณะฝึกเขียน
ในทิเบตมีหลักสูตรการเขียนพู่กันเพื่อฝึกสติ ทำสมาธิ และเติบโตทางจิตวิญญาณ
การเขียนตัวอักษร (Calligraphy) คือศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการเขียน หรือการเขียนตัวอักษรให้เกิดเป็นศิลปะจากภาพ ซึ่งพบได้ทั่วโลก โดย Calligraphy มาจากภาษากรีกคำว่า kallos ที่แปลว่า ความงดงาม และ graphein ที่แปลว่าการเขียน
ในเอเชีย การเขียนตัวอักษรเริ่มต้นจากการเขียนพู่กัน หรือ shū fǎ ในภาษาจีน (書法, the principles/laws of writing) ศิลปะการเขียนพู่กันในประเทศจีนมีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานมากกว่า 200 ก่อนคริสศักราช และเป็นที่แพร่หลายในยุคราชวงฮั่นที่การสอบเขียนพู่กันจะถูกใช้เป็นเกณฑ์เพื่อคัดเลือกคนเข้าตำแหน่งการปกครองบ้านเมืองในสมัยนั้น จนถูกถ่ายทอดและส่งอิทธิพลไปยังประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนามในเวลาถัดมา
เมื่อวัฒนธรรมการเขียนจากประเทศจีนถูกถ่ายทอดและส่งมาถึงประเทศญี่ปุ่น การเขียนพู่กันจีนได้ถูกใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป โดยใช้เพื่อบันทึกพระสูตรที่สำคัญทางศาสนา และเรียกว่า Shodo ("the way of writing") ดังนั้นจึงมีการเขียนเพื่อฝึกฝนและเติมเต็มคุณค่าภายในมากกว่าการเขียนจากประเทศจีน จนการเขียนพู่กันเป็นที่โด่งดังไปในศตวรรษที่ 19

การเขียนพู่กันเรียนรู้จิตใจ
มากกว่าการเขียนตัวอกษรลงไปบนแผ่นกระดาษหรือแผ่นผ้า การเขียนพู่กันยังเป็นการฝึกฝนเพื่อให้เราได้เข้าไปอยู่กับความหมายของคำเหล่านั้น โดยเขียนเพื่อคุณภาพที่จะส่งภาพเหล่านั้นออกมาเป็นตัวอักษร เช่นเมื่อคุณกำลังเขียนคำว่า "สงบ" คุณสามารถเขียนโดยส่งคุณภาพของความสงบลงไปในตัวอักษรที่เขียน หรือเมื่อคุณกำลังเขียนคำว่า "ทะเล" คุณจะส่งพลังของน้ำทะเลลงในตัวอักษร ผ่านหมึกและกระดาษที่เขียนลงไป
การเขียนพู่กันยังเป็นกระบวนการฝึกปฏิบัติเพื่อฝึกสติ ทำสมาธิ โดยในทิเบตมีความรุ่งเรืองทางพุทธศาสนามากและศิลปะมาก จนถึงขั้นที่มีหลักสูตรสำหรับการเขียนพู่กันเพื่อเขียนคำที่ศักสิทธิ์ หรือมนตราที่มีความหมายในการเติบโตทางจิตวิญญาณ และยังมีงานภาวนาที่จัดสำหรับการทำสมาธิและเขียนพู่กันจาก Calligraphy Master: Naksang Rinpoche อีกด้วย
ไม่เพียงแต่ในตะวันออกหรือศาสนาพุทธเท่านั้นที่มีการนำการเขียนตัวอักษร การเขียนพู่กัน หรือ Calligraphy เพื่อเป็นกระบวนการในการฝึกฝนสมาธิและสติ แต่ในตะวันตกก็ยังได้มีการใช้ Calligraphy กับการเรียนรู้ภายในด้วยเช่นกัน
Betty Soldi ผู้แต่งหนังสือ Inkspired: Creating Calligraphy เชื่อว่า การเขียนตัวอักษรสามารถช่วยให้คนสร้างพื้นที่สำหรับการเจริญสติได้ และทุกคนสามารถทำได้โดยอาศัยเพียงแค่ปากกาเท่านั้น
นอกจากนั้นสำหรับ Betty การเขียนภาพตัวอักษรยังให้การเรียนรู้ในมิติอื่นทางจิตใจด้วยเช่นกัน Betty กล่าวว่า “ขณะที่คุณกำลังเขียน สิ่งที่คุณต้องทำคือการมีสมาธิและการจดจ่อ แต่ในบางครั้งคุณก็จะต้องรู้จักการปล่อยวาง”

การเขียนพู่กันกับการลดความเครียด
มีการศึกษาว่าการเขียนพู่กันสามารถช่วยทำให้คนผ่อนคลายและรู้สึกสงบได้ โดยมีความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดลง
นักศึกษาปริญญาเอกจิตวิทยาให้คำปรึกษา Anna Liu ที่มหาวิทยา Andrews University ได้ทำการศึกษาผลของการเขียนพู่กันจีนเพื่อลดความเครียดของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในประเทศฮ่องกงซึ่งพบว่าทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และความดันโลหิตของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งลดลง นอกจากนี้ความเครียดของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งยังลดลงทั้งจากผลการทดลองและการรายงานด้วยตัวเองอีกด้วย
การเขียนตัวอักษร Calligraphy หรือการเขียนพู่กันเป็นกระบวนการที่ช่วยทำให้มองเห็นคุณค่าภายใน พาตัวเองไปสำรวจอารมณ์ ความรู้สึก และมีความสุขจากงานศิลปะได้ด้วย
#Calligraphy #Workshop #เขียนพู่กัน
แหล่งอ้างอิงและข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.mindfulnessbell.org/archive/2014/11/calligraphy-as-a-mindfulness-practice
https://craftknights.com/the-different-types-of-calligraphy/
https://beyond-calligraphy.com/2011/06/14/how-to-understand-far-eastern-calligraphy-part-one/
https://digitalcommons.andrews.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=2905&context=dissertations

Urbinner เป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้เติบโตจากการเรียนรู้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยทีมนักจัดกระบวนการจะพาคุณไปเรียนรู้ทักษะที่นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการตระหนักรู้ร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำในสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเอง องค์กร และชุมชนของเราได้